วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

การออกเสียงพยัญชนะและสระในภาษาอังกฤษ


เสียงพยัญชนะที่ยากต่อการออกเสียงของคนไทยคือ CH, G, L, R, S, SH, TH, V, W, X, และ Z
เสียงพยัญชนะส่วนใหญ่จะเป็นไปตามที่มีการเรียนการสอน โดยเสียงบางคำจะมีการดัดแปลงให้ง่ายต่อการออกเสียง หรืออาจจะมีการอ่านตาม ภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษ เสียงพยัญชนะทั้งหมดเรียงตามลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษดังนี้
  • B -- บ ใบไม้ เช่น boy บอย
  • C -- เป็นได้ทั้ง ซ โซ่ และ ค ควาย และ ก ไก่ โดยส่วนมากจะใช้
    • --CA, CO, CU -- ค ควาย เช่น car คาร์, come คัม, cute คิ้วท์
    • --CE, CI, CY -- ซ โซ่ เช่น cell เซลล์, city ซิตี้, cylinder ไซลินเดอร์
    • --SC -- ก ไก่ เช่น scar สการ์, screen สกรีน, scuba สกูบา
    • อย่างไรก็ตาม มีหลายคำที่ไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนด
  • D -- ด เด็ก เช่น dog
  • F -- ฟ ฟัน เช่น fun
  • G -- จะไม่มีเสียงในภาษาไทย แต่จะเป็นเสียงควบของ ก ไก่ กับ ง งู หรือ เสียงควบของ จ จาน กับ ย ยักษ์
    • -- GA, GE, GO, GU - ออกเสียง ก-ง เช่น gas แก๊ส, get เก็ท, golf กอล์ฟ, gun กัน
    • -- GI - ออกเสียง จ-ย เช่น gigabyte จิกะไบต์ กับ gigantic ไจแกนติค
  • H -- อ่านว่า เอช (ในอังกฤษอเมริกัน) ออกเสียง เหมือน ห หีบ และ ฮ นกฮูก เช่น hello เฮลโล
  • J -- จ จาน เช่น jet เจ็ท
  • K -- เป็นได้ทั้ง ค ควาย และ ก ไก่ และเสียงเงียบ
    • เสียงต้น -- ค ควาย เช่น kilogram คิโลแกรม
    • SK -- ก ไก่ เช่น sky สกาย ski สกี
    • KN -- เสียงเงียบ (ไม่ออกเสียง) เช่น knee, นี knock, น็อค know โนว์
  • L -- คล้ายกับ ล ลิง สำหรับเสียงต้น และคล้ายกับเสียง ว แหวน สำหรับเสียงสะกด
    • เสียงต้น เช่น lance แลนซ์, look ลุก
    • เสียงสะกด เช่น mill มิว, oil โออิว
      • โดยเสียงของ ตัวอักษร L ออกเสียงโดยการ ลากลิ้นไปแตะ โคนฟัน เหมือนคำว่า mill อ่านว่า มิว แล้วลากลิ้นไปแตะที่โคนฟันซี่กลางด้านบน
  • M -- ม ม้า เช่น money มั้นนี่
  • N -- น หนู เช่น no โน
  • P -- พ พาน หรือ ป ปลา
    • เสียงต้น -- พ พาน เช่น pest, เพสท์ Peter พีเทอร์
    • SP -- ป ปลา เช่น span สแปน, spark สปาร์ค, sport สปอร์ต
  • Q -- ค ควาย หรือ ก ไก่
    • QU -- ค ควาย ควบ ว แหวน เช่น queen ควีน
    • SQU -- ก ไก่ ควบ ว แหวน เช่น squid สกวิด, square สแกวร์
  • R -- คล้ายกับ ร เรือ สำหรับเสียงต้น และคล้ายกับคำว่า เออร์ สำหรับเสียงท้าย
    • เสียงต้น เช่น row โรว์
    • เสียงกลางประโยค เช่น born บอร์น
    • เสียงท้าย เช่น fire ไฟเออร์ เสียง R
      • โดยเสียงของ ตัวอักษร R ออกเสียงโดยการ ลากลิ้นไปแตะที่เพดานปากด้านบนส่วนหลัง เหมือนคำว่า fire อ่านว่า ไฟ แล้วลากลิ้นไปแตะที่เพดานปาก เสียง เออร์ จะออกมาคล้ายกับเสียง ไฟเออร์
  • S -- เสียงต้น ออกเสียง ส.เสือ ถ้าเป็นเสียงลงท้าย ออกเหมือนเสียง ซือออออ ให้เสียงเหมือนลมผ่านช่องกระจก โดยพูดให้เพียงแค่ลมออกจากปาก และลำคอไม่สั่น เป็นเสียงแบบ voiceless)
    • เสียงต้น S -- sock ซ๊อกก์
    • เสียงท้าย S -- box บ็อกซือ
  • T -- ท ทหาร หรือ ต เต่า
    • เสียงต้น -- ท ทหาร เช่น tank แทงก์
    • ST -- ต เต่า เช่น street สตรีท, star สตาร์
  • V -- เสียงเหมือน ว แหวน โดยเป็นเสียงที่ใกล้เคียง กับ V F และ B พูดโดยการกัดริมฝีปาก ก่อนออกเสียง ว แหวน เช่น vail เวลล์
  • W (ดับเบิ้ล ยู แต่พูดเร็วเร็ว ก็กลายเป็น ดับ-บ-ลิว) -- เสียงเหมือน ว แหวน แต่มีเสียงก้องในปาก พูดโดยการ ทำปากจู๋ก่อนแล้วตามด้วยออกเสียง ว.แหวน เช่น wow วาว
  • X -- เสียงต้น เป็นเสียง ส เสือ และ ซ โซ่ เสียงท้าย เหมือน ค ควาย รวมกับ เสียง เอส
    • เสียงต้น -- xylem ไซเร็ม
    • เสียงท้าย -- box บ็อกซือ
  • Y -- ย ยักษ์ เช่น young ยัง, you ยู
  • Z -- (อ่านว่า ซี ในอังกฤษอเมริกัน หรือที่อ่านกันว่า เซท ในอังกฤษสำเนียงอื่น - แต่คนไทยออกเสียงว่า แซด) เสียงเหมือน ส เสือ และ ซ โซ่ เช่น zebra ซี-บร่า
    • เสียงอักษร Z ต่างกับ ตัวอักษร C โดยเวลาพูดจะมีการสั่นของเสียง (voice sound) โดยเมื่อเอามือจับที่ใต้ฟันล่าง แล้วพูดเสียงจะมีการสั่นของลำคอ เหมือนกับการออกเสียง บ ใบไม้ กับ พ พาน หรือ เสียง ด เด็ก กับ ท ทหาร (z, บ ใบไม้, พ พาน เป็น เสียงสั่น)
  • ตัวอักษรCH ออกเสียงได้ 3 แบบ ได้แก่ /CH/ /SH/ สำหรับคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศส เช่น champaign, Chicago /K/ สำหรับคำที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ การศึกษา ดนตรี ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นคำที่มาจากภาษากรีก เช่น chaos, stomach, architecture
  • CH -- เสียง ช ช้าง เหมือนเสียง ท ทหาร ตามด้วยเสียง ช ช้าง พูดโดยการ เอาลิ้นแตะโคนฟัน แล้วพูด เฉอะ
  • SH -- เสียง ช ช้างปกติ
    • คำที่เสียงแตกต่างกัน ในขณะที่เสียงไทยใกล้เคียงกัน เช่น ship chip, sheep cheap, shop chop ทดสอบที่โปรแกรมทดสอบแม่แบบ:Fn
  • CH -- เสียง ค ควาย ก็ได้ ถ้าคำที่ใช้ มาจาก กรีก เป็นในทางความหมาย ทาง ประวัติศาสตร์ ดนตรี การแพทย์ การศึกษา ประมาณนี้ เช่น
    • chaos เคออส ความวุ่นวาย stomachache สโตมัคเอค chorus คอรัส
  • TH -- เสียงนี้ ไม่มีของไทย แต่ใกล้เคียงกับ /ด/ /ต/ /ส/ (เชื่อมั้ยละ ว่ามันใกล้กับ ส) เวลาออกเสียง เริ่มแรก กัดลิ้นเบาเบา แล้วพูด เช่น * THAT หรือว่า BATH พูดแล้วตอนจบกัดลิ้น THANK YOU กัดลิ้นแล้วพูดดู ไม่ใช่ แต้งกิ้ว แต่มันจะเป็นเสียง ผสม /ต//ซ/

    เสียงสระในภาษาอังกฤษ

    สระในภาษาอังกฤษ ประกอบไปด้วย ตัวอักษร A E I O U แต่ในการใช้สระ จะมีการใช้ผสมกันดังต่อไปนี้
  • ee -- เสียงอี เช่น ฟีด feed
  • i -- เสียงอิ เช่น ฟิน fin
  • i -- เสียงไอ เช่น ไบ bi (ถ้าไม่มีตัวอะไรต่อท้าย ส่วนมากจะเป็น) ไอ แต่บางทีก็ไม่ใช่
  • a_e -- เสียง เอ เช่น เฟด fade
  • e -- เสียง เอะ เช่น เฟ็ด fed
  • a -- เสียง a มันจะเป็นเสียงกึ่งระหว่าง แอะ กับ อะ วิธีออกเสียง ให้อ้าปากกว้างสุด แล้วพูด เป็นเสียงระหว่างเสียง แฟด กับ ฟัด fad
  • u -- เสียง เออะ เช่น เคอะ-พ cup
  • o -- คล้ายเสียง เออะ แต่อ้าปากกว้าง cop
  • oo -- boot เสียงสระอู
  • ull -- bull เสียงที่อยู่ระหว่าง สระ อุ กับสระอู
  • o_e -- bone เสียง โอ
  • i_e -- fine เสียง ไอ
  • oi -- coin เสียง ออย
  • ou -- round เสียง อาว
นอกจากนี้ สระที่อ่านออกเสียงแปลกจากสระทั่วไป เนื่องจากมาจาก ภาษาอังกฤษเดิม หรือ ภาษาอื่น เช่นฝรั่งเศส หรือเยอรมัน เช่น
  • come -- อ่านเหมือน cum เป็นภาษาอังกฤษเดิม ที่ มาจากคำว่า cume
  • dove -- อ่านว่า /ดัฟ/ มาจาก duv สำหรับ คำที่เป็นอดีตของ dive (dove) อ่านว่า โดฟ
  • entree -- /อองเทร/ อาหารมื้อหลัก มาจากภาษาฝรั่งเศส
  • hors d'œuvre -- ออร์เดิร์ฟ
คำที่มาจากภาษาอื่น ในปัจจุบันคนอเมริกันทั่วไปยังมีการใช้ผิดกันเกิดขึ้น


Comparisons การเปรียบเทียบ

1. การเปรียบเทียบในขั้นปกติ มีโครงสร้างดังนี้ คำที่นำมาเปรียบเทียบอยู่ระหว่างคือคำคุณศัพท์ (adjective) และคำกริยาวิเศษณ์ (adverb)

as.........as  ใช้แสดงการเปรียบเทียบที่เท่ากัน
Natee is as old as Ladda.
not as....as /not so ........as   ใช้แสดงการเปรียบเทียบที่ไม่เท่ากัน
Today is not so hot as yesterday.

the same......as  ใช้แสดงการเปรียบเทียบที่เท่ากัน คำที่ใช้ระหว่าง the same ......as จะต้องเป็นคำนาม เช่น
Kanda's salary is the same as mine. หรือ Kanda gets the same salary as me.

Note: หลัง as/than ถ้าไม่มี verb ตาม เราจะใช้ me/ him/ her/ them/ us
2. การเปรียบเทียบในขั้นกว่า (comparative degree) เป็นการเปรียบเทียบคน 2 คน สิ่งของ 2 สิ่งมีโครงสร้างดังนี้
adj./adv +er than

more +adj./adv than
He is older than me.
She is happier than him.
She is more intelligent than me.
Note: 1.ในการเปรียบเทียบขั้นกว่าเราสามารถใช้ a bit , a little, a lot, much, far,หรือ rather ขยาย
adjective หรือ adverb เช่น
Prannee works much harder than Nittaya.
The blue car is rather nicer than the red one.
2. ในการเปรียบเทียบขั้นกว่าเมื่อต้องการแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นหรือแปรตรงต่อกัน
และในข้อความในส่วนที่สองมักจะเป็นผลของข้อความในส่วนแรกมีโครงสร้างดังนี้
the + adj./adv ขั้นกว่า + (N) + (clause), the+ adj./adv ขั้นกว่า + (N) +(clause)
The harder you study, the more you learn.
The faster you drive, the more dangerous it is. 
3. การเปรียบเทียบในขั้นสูงสุด (superlative degree) เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นที่สุดมีโครงสร้างดังนี้
the +adj./adv +est

the most +adj./adv
Tom is the tallest in the class.
Sunee is the most beautiful woman in Chiang Mai.
และถ้าเราต้องการจะเปรียบเทียบให้เห็นว่าน้อยที่สุดใช้โครงสร้างนี้
the least +adj./adv
This is the least expensive shirt I've ever bought.

การเปลี่ยนขั้นปกติให้เป็นขั้นกว่าและขั้นสูงสุด
1. เติม er และ est ในคำพยางค์เดียว

 
tall taller tallest สูง
long  longer     longest ยาว
short   shorter    shortest สั้น
young   younger  youngest อ่อน
thick thicker thickest หนา
harder harder hardest แข็ง
He is tall.
He is taller than me.
He is the tallest player on the team.
2. เป็นคำพยางค์เดียวมีสระเดียวและตัวสะกดเดียวทำเป็นขั้นกว่าและขั้นสูงสุดด้วยการเติม
ตัวสะกดอีกตัวแล้วเติม er และ est      
big bigger biggest ใหญ่
hot hotter hottest ร้อน
thin thinner thinnest ผอม
fat fatter fattest อ้วน
sad sadder saddest เศร้า
She is fat.
She is fatter than her sister.
She is the fattest girl in the company.


3. คำพยางค์เดียวและสองพยางค์ที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม er ในขั้นกว่า เติม est ในขั้นสูงสุด



dry drier driest แห้ง
lucky luckier luckiest โชคดี
easy easier easiest ง่าย
pretty prettier prettiest น่ารัก สวยงาม
lazy lazier laziest ขี้เกียจ
happy happier happiest มีความสุข
Math is easy.
Math is easier than chemistry.
Math is the easiest subject at school.
4. คำที่มีสองพยางค์และลงด้วย er, re, le และ ow เติม er ในขั้นกว่าและเติม est ในขั้นสุงสุด
clever cleverer cleverest ฉลาด
simple simpler simplest ง่าย
narrow narrower narrowest แคบ
shallow shallower shallowest ตื้น
bitter bitterer bitterest ขม
noble nobler noblest มีเกียรติ
I am clever.
I am cleverer than you.
I am the cleverest student in my grade.
5. คำกริยาวิเศษณ์ที่ลงท้ายด้วย ly ให้เติม more ในขั้นกว่าและเติม most ในขั้นสุงสุด
slowly more slowly most slowly ช้า
loudly more loudly most loudly ดัง
quickly more quickly most quickly เร็ว
6. คำที่สามารถเติมได้ทั้ง er, est หรือ more, most
clever cleverer
more clever
cleverest
most clever
ฉลาด
quiet quieter
more quiet
quietest
most quiet
เงียบ
handsome handsomer
more handsome
handsomest
most handsome
หล่อ
cruel crueler
more cruel
cruelest
most cruel
ใจร้าย
common commoner
more common
commonest
mos t common
ธรรมดา
7. คำคุณศัพท์ที่มีสองพยางค์ออกเสียงยาวใช้ more และ most
useful more useful most useful มีประโยชน์
selfish more selfish most selfish เห็นแก่ตัว
honest more honest most honest ซื่อสัตย์
fertile more fertile most fertile อุดมสมบูรณ์
8. คำคุณศัพท์ที่สามพยางค์ขึ้นไปให้ใช้ more และ mostได้เท่านั้น
dangerous more dangerous most dangerous อันตราย
beautiful more beautiful most beautiful สวยงาม
interesting more interesting most interesting น่าสนใจ
difficult more difficult most difficult ยาก
important more important most important สำคัญ
suitable more suitable most suitable เหมาะสม
9. คำที่ไม่เป็นไปตามกฎ
good (well)
better
best
ดี
bad
worse
worst
เลว
much, many
more
most
มาก
little
less
least
น้อย
few
fewer
fewest
น้อย
near
nearer
nearest
ใกล้
far
farther/ further
farest/ furthest
ไกล
old
older/elder
oldest/ eldest
แก่ เก่า

Gerunds



"Gerunds"
คือการนำเอาคำกริยามาเติม ing ทำหน้าที่เป็นประธานกริยา เป็นกรรมและใช้ในคำนามผสมมีลักษณะการใช้ดังนี้
1. ทำหน้าที่เป็นประธานของกริยาเช่น
Walking is good for your health.
2. ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยาเช่น
He stops smoking.
3. ทำหน้าที่เป็นกรรมตามหลังคำบุพบทเช่น
Thank you for coming.
4. ใช้ในคำนามผสมเช่น
Swimming pool
Sleeping pill 



กริยาที่ใช้ตามด้วย gerund ได้แก่คำว่า
admit ยอมรับ
miss พลาด
finish เสร็จสิ้น
postpone เลื่อน
deny ปฎิเสธ
avoid หลีกเลี่ยง
keep (on) ทำต่อไป
mention เอ่ยถึง
understand เข้าใจ
quit เลิก
stop หยุด
dislike ไม่ชอบ
imagine จินตนาการ
practise ฝึกฝน
risk เสี่ยง
can't help อดไม่ไหว
object to คัดค้าน
insist of  ประกอบด้วย
keep on ทำต่อไป
look forward to รอคอย
think of คิดถึง
It's no use ไม่มีประโยชน์


กริยาที่ตามหลัง gerund (V.-ing) หรือ infinitive (to v1) แต่ความหมายแตกต่างกัน
1. remember จำได้
remember +  to v 1จำได้ว่าจะต้องทำอะไรบางอย่าง
I hope I remember to pay the phone bill.
remember + v ing จำได้ว่าได้ทำอะไรไปแล้ว
I still remember going to my first dance.
2.forget ลืม
forget +  to v 1 ลืมทำอะไรบางอย่าง
Don't forget to buy some milk on your way home.
forget + v ing ทำสิ่งนั้นไปแล้วแต่ลืม
และตามด้วยโครงสร้างนี้I'll never forget ........ing
I'll never forget meeting Bill Clinton when he visited Thailand.
3. stop หยุด
stop +to v 1 หยุดทำอะไรบางอย่างเพื่อไปทำอย่างอื่นแทน
Employess stop to have a break at 10 a.m.
stop + v ing เลิกทำหรือหยุดทำไปแล้ว
You should stop eating too much.
4.regret เสียใจ
regret +t o v 1เสียใจที่จะต้องบอกว่า
I regret to tell you that your dog died today.
regret + v ing เสียใจที่ได้ทำอะไรลงไปแล้ว
I regret drinking too much last night.
5. try
try + to V1 พยายามทำบางอย่างในสิ่งที่ยาก
I tried to study but I was too tired.
try +Ving  ลองทำบางอย่าง
I tried calling you but your line was busy.
6. sorry
sorry +to V1 เป็นการขอโทษในบางสิ่งที่กำลังกระทำหรือกำลังจะกระทำ
I'm sorry to have troubled you.
sorry for /about + Ving   เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมาแล้ว
I'm sorry for troubling you.

กริยาต่อไปนี้ตามได้ทั้ง gerund (V.-ing) หรือ infinitive (to v1) แต่ความหมาย
เหมือนกันได้แก่คำว่า
hate เกียด
love รัก
like ชอบ
prefer ชอบมากกว่า
begin เริ่มต้น
start เริ่มต้น
continue ดำเนินต่อไป

Prepositions

(Prepositions)


 1. การใช้ in on at กับเวลา
at ใช้ระบุเวลา ณ จุดใดจุดหนึ่ง เช่น
at noon
เวลาเที่ยงวัน
at night
เวลากลางคืน
at midday
เวลาเที่ยงวัน
at six o'clock
เวลาหกโมงเช้า
at Christmas
ในวันคริสต์มาส

at ใช้กับสำนวนที่เกี่ยวกับเวลา เช่น
at first ในตอนแรก
at once ในทันที
at last ในท้ายสุด
at lunch time ในเวลาอาหารกลางวัน
at present ขณะนี้
on ใช้กับวันของสัปดาห์ทั้งหมดเช่น
on Sunday                  วันอาทิตย์
on Monday                 วันจันทร์
on Tuesday               วันอังคาร
on Wednesday          วันพุธ
on Thursday                วันพฤหัสบดี
on Friday                    วันศุกร์
on Saturday                วันเสาร์
on ใช้กับวันที่ วันสำคัญทางศาสนาหรือทางราชการ และวันหยุดต่างๆ
on May 1st ในวันที่ 1 พฤษภาคม
on Christmas Day ในวันคริสต์มาส
on New Year's day ในวันขึ้นปีใหม่
on holiday  ในวันหยุด
on vacation ในวันหยุด
on time ตรงเวลา
on Songkran day ในวันสงกรานต์
in ใช้กับส่วนของวันเช่น
in the morning ในตอนเช้า
in the afternoon ในตอนบ่าย
in the evening ในตอนเย็น
in ใช้กับเวลาหรือระยะเวลาที่ยาวขึ้นเช่นเดือน ปี และฤดู
in 2000 ในปี 2000
in summer ในฤดูร้อน
in June 1999  ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1999
in the 21th century ในศตวรรษที่ 21
in the past ในอดีต
in time ทันเวลา
in the future ในอนาคต
in a few months ในอีก 2-3 เดือน
in two hours  ภายในสองชั่วโมง
in a week's time ในหนึ่งสัปดาห์
2. การใช้ in on at กับสถานที่  
at ใช้กับบ้านเลขที่เช่นat 224 Mango Street, at 987 Big Elm Road, at 67 Sukhumvit Road
at ใช้กับสถานที่ซึ่งเป็นจุดเล็กๆเช่นในระดับเมืองหรือใช้
กับสถานที่เล็กๆหรือระบุตำแหน่งที่แน่นอนเช่น
at home ที่บ้าน
at the hospital ที่โรงพยาบาล
at the airport ที่สนามบิน
at the bus station ที่สถานีขนส่ง
at the meeting ที่ประชุม
at the window ที่หน้าต่าง
at the river ที่แม่นํ้า
at the concert ที่คอนเสิร์ต
at the door ที่ประตู
at the party ที่งานเลี้ยง
at ที่ใช้กับสำนวนอื่นๆเช่น
at work ขณะทำงาน
at best อย่างดีที่สุด
at will ตามความต้องการ
at least อย่างน้อยที่สุด
at loss ขาดทุน
at worst อย่างแย่ที่สุด
at large มีอิสระ
on ใช้เชื่อมต่อระหว่างสองที่เช่น
on Silom Road บนถนนสีลม
on the way home ในระหว่างทางกลับบ้าน
on ใช้กับตำแหน่งบนพื้นผิวเช่น
on the table บนโต๊ะ
on the ceiling บนเพดาน
on the sidewalk บนทางข้างถนน
on the floor บนพื้น
on the train บนรถไฟ
on a bicycle บนรถจักรยาน
on the wall บนผนัง
on the coast บนชายฝั่ง
on paper บนกระดาษ
on ใช้กับสำนวนต่อไปนี้
on business ว่าด้วยเรื่องธุรกิจ
on tour ในขณะท่องเที่ยว
on the radio ในวิทยุ
on air ขณะออกอากาศ
on television ในโทรทัศน์
on the phone ทางโทรศัพท์
on purpose โดยตั้งใจ
on fire ในขณะไฟไหม้
on the list ในรายชื่อ
on pleasure เพื่อความสนุกสนาน
on duty ในขณะปฎิบัติหน้าที่
on guard เตรียมพร้อม
in ใช้กับสถานที่ที่ค่อนข้างใหญ่เช่นเมืองจังหวัด ประเทศหรือทวีปเช่น
in Chiang Mai ในจังหวัดเชียงใหม่
in Asia ในทวีปเอเชีย
in the world ในโลก
in the army ในกองทัพ
in the sky ในท้องฟ้า
in the river ในแม่นํ้า
in the sea ในทะเล
in the parking lot ในลานจอดรถ
นอกจากนี้ยังยังมีคำว่า
during แปลว่า ระหว่าง
till, until ใช้เกี่ยวกับเวลาแปลว่า จนกระทั่ง จนถึง
before ใช้เกี่ยวกับเวลาแปลว่า ก่อน
after ใช้เกี่ยวกับเวลาแปลว่า หลัง
from ใช้กับเวลาหรือสถานที่แปลว่า นับตั้งแต่
from...to แปลว่า จาก...ถึง
from...till แปลว่า ตั้งแต่...ถึง
between... and แปลว่า ระหว่าง...ถึง
by แปลว่าด้วย(ใช้กับการเดินทางด้วยยานพาหนะแปลว่า) ข้าง ใกล้
in front of แปลว่า ข้างหน้า
outside แปลว่า ข้างนอก ภายนอก
inside แปลว่า ข้างใน ภายใน
behind แปลว่า ข้างหลัง
 ตัวอย่างข้อสอบให้เติม Prepositions

1 I’m angry ............... him for telling lies about me.

2 Are you afraid ............... him?

3 It’s very nice ............... you to lend me your car.

4 He is married ............... his sister.

5 It’s very nice ............... you to lend me your car.

6 Why are you always so rude ............... your parents?

7 It wasn’t very polite ............... him to leave without saying thank you.

8 I can’t understand people who are cruel ............... animals.

9 I have to stop to talk to you. I’m a bit short ............... time.

10 Are you interested ............... football?

11 You shoes are similar ............... mine but they are not exactly the same.

12 We’ve got enough to eat. The fridge is full ............... food.

13 I felt sorry ............... the children because it rained every day.

14 He said he was sorry ............... the situation but there was nothing he could do.

15 He is good ............... playing chess.